- เป็นที่รู้กันว่า สิ่งมีชีวิตทั้งหลายรวมทั้งคนเราที่อาศัยอยู่บนโลกนี้ ต่างได้รับพลังงานชีวิตอยู่ตลอดเวลาจาก พลังชีวิตของโลก พลังนี้ก็คือ สนามแม่เหล็กโลกนั่นเอง มันเป็นสนามพลังอ่อนๆ ที่เราได้รับอยู่ตลอดเวลา และถ้าเมื่อไหร่เราไม่ได้รับพลังนี้ ก็อาจเป็นเหตุให้เรา ป่วยเจ็บได้ เรื่องนี้ได้จากการสังเกตว่า คนงานที่ทำงาน ก่อสร้างตึกใหญ่ๆ ซึ่งบางทีต้องใช้โครงสร้างเหล็ก หรือกระทั่งแผ่นเหล็กเป็น จำนวนมาก เป็น โครงสร้างของตึก เมื่อสร้างตึกไปหลายๆ เดือนก็พบว่า คนงานเหล่านี้เกิดอาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดหัว ปวดข้อ โดยไม่ปรากฏสาเหตุ อาการเหล่านี้พบอีกในเวลา 30 ปีหลังนี้ในหมู่นักบินอวกาศ องค์การนาซ่า เริ่มสังเกตอาการนี้ได้ จากนักบินรุ่นแรกๆ ซึ่งต้องออกไปนอกโลกพ้นจากแรงดึงดูดของโลก ก็ปรากฏอาการเหล่านี้เหมือนกัน เขาเรียกชื่อกลุ่มอาการนี้ว่า “โรคอวกาศ (space sickness)”
- ในโลกใบนี้ ยังมีสิ่งชีวิตบางจำพวกสามารถแสดงคุณสมบัติของการเรืองแสงชีวภาพได้ด้วยตนเอง เป็นแสงเรืองสว่าง ปราศจาก ความร้อน ได้แก่ พวกเห็ดราบางชนิด แมงบางพันธุ์ ปลาที่อาศัยอยู่ทะเลลึก เป็นต้น การมีแสงเรืองในตัวเอง ก็เพื่อประโยชน์ใน การติดต่อสื่อสาร การนำทาง หรือเพื่อป้องกันภัยอันตราย
“มนุษย์เรืองแสง” เป็นปรากฎการณ์อัศจรรย์อย่างหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องอภินิหาร ปาฏิหาริย์ใด ๆ แต่เป็นเรื่องที่มีนักวิทยาศาสตร์และนายแพทย์หลายคนยอมรับว่ามีจริง ต่างบันทึกบอกเล่ากันเอาไว้ว่ามีอยู่หลายสิบราย และเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่หายาก
- จากหนังสือสารานุกรมการแพทย์ชื่อ Anomalies and Curiosities of Medicine บันทึกเรื่องราวของคนที่มีแสงเรืองในตัวเอง ซึ่งเป็นบันทึกของแพทย์หลายสมัยที่ได้เคยพบเห็น และเขียนบันทึกทางการแพทย์เอาไว้ เช่น นายแพทย์จอร์ช กูลด์ และนายแพทย์ วอลเตอร์ ไพล์ (ปีพ.ศ. 2440) มีบันทึกไว้ว่า …..ได้พบคนไข้ที่เป็นโรคเนื้องอกในทรวงอกรายหนึ่งมีอาการหนักมากเมื่อมาขอการรักษา ขณะรับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาล ประมาณวันที่สองก็สังเกตเห็นปรากฎการณ์ประหลาดเกิดขึ้น คือ ปรากฏมีแสงเรืองสว่างออกมาจากทรวงอกของคนไข้ แสงเรืองประหลาดเกิดขึ้นจากภายในบริเวณเนื้อเยื่อที่เป็นโรคเนื้องอกนั่นเอง ต่อมาปรากฎการณ์อัศจรรย์นี้ก็เพิ่มมากขึ้น แสงเรืองสว่างมาก โดยเฉพาะถ้าอยู่ในที่มืด ๆ จะสามารถส่องดูนาฬิกาได้ในระยะห่าง 2 ฟุตอย่างสบาย ๆ
- บันทึกอีกฉบับหนึ่ง เป้นของ ดร. เฮอวาร์ด คาร์ริงตัน นักค้นคว้าทางฟิสิกส์ ผู้ซึ่งบังเอิญได้พบกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญและ ปรากฎการณ์อัศจรรย์เข้ากับตนเองจึงบันทึกเอาไว้ว่า ….เกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งที่เสียชีวิตเนื่องจากกลืนของแหลมคมลงไปในท้อง ก่อนขาดใจตายมีอาการดิ้นบิดตัวอย่างทุรนทุราย ต่อหน้าต่อตาญาติที่นำตัวมาส่งและต่อหน้าแพทย์พยาบาล ที่กำลังพยายาม ให้ความช่วยเหลือ เด็กคนนั้นเปล่งแสงเรืองสีน้ำเงิน ออกมารอบตัววูบวาบไปหมด เล่นเอาทุกคนในที่นั้นตกใจจนคิดอะไรไม่ถูก และต่อมาอีกไม่กี่นาทีเด็กคนนั้นก็ขาดใจตาย…….
- มีแพทย์หลายสิบคนจากสาขาต่าง ๆ พากันแห่ไปศึกษา ตรวจดูปรากฎการณ์อัศจรรย์ของนางโมนาโร และต่างก็ลงความเห็นกันไปต่าง ๆ นานา เช่นกล่าวว่า แสงเรืองเกิดจากประจุไฟฟ้า และสนามแม่เหล็กในธรรมชาติทำปฏิกิริยากับเซลล์ชีวภาพ ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับ สารกำมะถันในเลือดด้วยก็ได้ …..บ้างก็ลงความเห็นว่า จำนวนสารกำมะถัในเลือดของนางอาจทำปฏิกิริยากับคลื่นอัลตราไวโอเลตในธรรมชาติ ทำให้เกิดการรบกวนกระตุ้นใน อะตอมกำมะถัน และสารชีวเคมีบางอย่างเกิดการเรืองแสงขึ้นมาได้เอง ….แต่คำอธิบายความคิดเห็นเหล่านั้น ไม่มีของใครจะให้ความกระจ่างชัดได้เลย เพราะมันไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมแสงเรือง จึงเกิดขึ้น เฉพาะบริเวณหน้าอกและลำคอ และที่สำคัญคือ ทำไมมันเกิดขึ้นเฉพาะตอนที่นางโมนาโร นอนหลับเท่านั้น?……..
ติดต่อบูชา LINE : @namotasa
ติดต่อบูชา LINE : @mayakarnlanna