สุริยคราสห้ามออกจากบ้านจริงไหม?

ยามเช้า  พระอาทิตย์จะปรากฏขึ้นทางขอบฟ้าฝั่งทิศตะวันออกแล้วส่องแสงสว่างทุกวันเป็นวัฏจักร ที่ดูเหมือนว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ แต่ก็มีปรากฏการณ์หนึ่งที่ทำให้ยามทิวากลับมืดมิดได้ดุจดั่งราตรีกาล นั่นก็คือปรากฏการณ์ “สุริยุปราคา” นี่เอง

นับแต่โบราณ..อาทิตย์ถูกขานนามเป็นเทพเจ้า เป็นราชาแห่งจักรวาล คือแสงสว่าง คือพลังชีวิต เกือบทุกอารยธรรมมีความเชื่อว่า..สุริยคราส คือสัญญาณของลางร้าย เปรียบเปรยกับ “สัตว์ร้าย” กำลังกัดกินดวงอาทิตย์ เพราะระหว่างเกิดสุริยุปราคานั้น ดวงอาทิตย์กลมๆจะค่อยๆเว้าแหว่งลงไปเรื่อยๆ ประหนึ่งว่ากำลังถูก “กัดกิน” และเมื่อดวงอาทิตย์หายไปมากขึ้น ความมืดก็ค่อยๆ คืบคลานเพิ่มเข้ามาแทนที่ จนในที่สุดดวงอาทิตย์ก็ถูกกินหายไปทั้งดวง พร้อมด้วยความมืดมิดไม่ผิดกับราตรี ชนโบราณจึงต้องทำอะไรสักอย่างให้สัตว์ร้ายตัวนั้นยอมคายดวงอาทิตย์ออกมา ทุกการกระทำ ทุกพิธีกรรม ก็เพื่อฆ่าความกลัวที่เกิดขึ้นในใจคน

ชนโบราณทุกเผ่ามองว่า การเกิดสุริยุปราคาคือ “ลางร้าย” เช่นชาวเมโสโปเตเมียก็มีความเชื่อว่า สุริยุปราคาคือลางบอกเหตุถึงมรณกรรมของกษัตริย์ ( คนโบราณเปรียบกษัตริย์คือพระอาทิตย์ เพราะพระอาทิตย์คือราชาแห่งจักรวาล ) เมื่อเข้าสู่ยุคที่ทำนายการเกิดสุริยุปราคาได้ ก็เกิดการหาทางป้องกันไม่ให้กษัตริย์ของพวกเขาเป็นอันตรายได้ เมื่อทราบว่าจะเกิดสุริยุปราคาขึ้นเมื่อไร กษัตริย์ที่ครองราชย์ในขณะนั้นก็จะสละราชสมบัติทันที เพื่อมอบบังเหียนให้กับ “เหยื่อ” ที่จะเข้ามาครองบัลลังก์เพียงแค่ชั่วครู่ แล้วเขาก็จะถูก “สังหาร” เพื่อสังเวยชีวิตให้กับสุริยุปราคาไปในที่สุด นอกจากนั้นยังมีบันทึกปรากฏว่า พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ( Alexander the Great ) ก็เคยบูชายัญกษัตริย์ตัวแทนให้ตายแทนพระองค์ในช่วงที่เกิดสุริยุปราคาด้วย และมีเรื่องพิธีกรรมอีกมากมายที่เกิดขึ้นมาจาก
“ความกลัว” คราส

แต่ปัจจุบันนี้เราสามารถคำนวณได้เป็นร้อยปีล่วงหน้า ว่าคราสครั้งต่อไปจะเกิดขึ้น ณ ตำแหน่งใดของโลก และจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เวลาใด ผ่านตำแหน่งใดบ้าง เกิดนานเท่าไหร่ และเราก็ทราบถึงเหตุแท้จริงของ “ความมืด” ที่เกิดขึ้นด้วยว่า..สุริยคราสที่ทำให้กลางวันแปรผันเป็นราตรีอันมืดมิดนั้น เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เกิดขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก โคจรมาเรียงอยู่ในแนวเดียวกันโดยมีดวงจันทร์อยู่ตรงกลาง เกิดขึ้นเฉพาะในวันที่ดวงจันทร์มีดิถีตรงกับจันทร์ดับ หากเราเฝ้ามองบนพื้นโลก ก็จะเห็นดวงจันทร์เคลื่อนเข้ามาบดบังดวงอาทิตย์ โดยอาจบังมิดหมดทั้งดวง หรือบางส่วนก็ได้ ในแต่ละปีสามารถเกิดสุริยุปราคาบนโลกได้อย่างน้อย 2 ครั้ง สูงสุดไม่เกิน 5 ครั้ง

ทางไสยศาสตร์และโหราศาสตร์ เชื่อเรื่องพลังอำนาจการยึดโยง เหวี่ยง ผลัก จากแรงดึงดูดของดวงดาว ทุกสิ่งคือพลังงาน ยึดโยงกันทั่วทั้งกาลจักรวาลอันยิ่งใหญ่นี้ การสั่นสะเทือนของพลังงานเล็กๆ เพียวเศษเสี้ยวอณูธาตุล้วนมีช่องว่างแห่งพลังงานมหาศาลแห่งปรมณู การโคจรของดวงดาว จึงมีผลกับทุกๆ สรรพสิ่งในห้วงกาลจักร หากการกระพือปีกของผีเสื้อยังสั่นสะเทือนถึงดวงดาวได้ แล้วการโคจรมาบรรจบกุมกันสนิทองศาแห่งอาทิตย์และจันทร์ พลังงานที่ปรากฏย่อมมหาศาลเช่นกัน? ครูบาอาจารย์ทางไสยเวทย์วิชาล้วนกำหนดเอาฤกษ์แห่งคราสเป็นฤกษ์แข็ง ใช้ในการปลุกเสกเรียกธาตุลงฤทธิ์เครื่องรางวัตถุธาตุกายสิทธิ์ ด้วยพลังงานในช่วงนั้น อาทิตย์และจันทร์ประสานทวีกำลังกัน อันหมายถึงความสมดุลแห่งพลังจักรวาล ซึ่งเครื่องรางมงคลธาตุกายสิทธิ์ทั้งหลายล้วนเกิดจากอำนาจมนตราคาถา แรงจิตครูบาอาจารย์ และพลังอำนาจแห่งจักรวาลทั้งสิ้น

ทุกสรรพสิ่งในกาลจักรล้วนคือ “พลังงาน”
ไม่มีสิ่งใดมากไปกว่านี้

การเคลื่อนที่โคจรของดวงดาวก็คือพลังงาน
ความเชื่อ ก็คือพลังงาน
พลังงานเหมือนกันจะดูดกลืนกันและกัน และเป็นหนึ่งเดียวกัน
พลังงานต่างขั้วกัน..จะผลักออกจากกันและกัน
พลังงานที่สั่นสะเทือนสูงกว่า จะดูดกลืนพลังงานที่สั่นสะเทือนต่ำกว่า

เมื่อเราเข้าใจกฎแห่งธรรมชาติ เข้าใจกลไกฟ้า เข้าใจพลังงาน เข้าใจว่าคราสคือปรากฎการณ์ธรรมชาติ คือการขยับ ปรับ ขยาย พลังงานจักรวาลที่รุนแรงเพื่อให้เกิดความสมดุลทุกรอบแห่งการโคจรมาทำมุมกุม เล็ง ฉาก ของดวงดาว เราย่อมเลือกรับได้เลือกใช้เป็น อยู่ใต้ฟ้า อย่ากลัวดวงดาวที่ให้แสงสว่างและพลังชีวิตแก่เราเสมอมา แต่จงเลือกใช้พลังงานให้เป็น เหมือนปรมณูพลังงมหาศาลหากนำมาใช้ด้านดี สิ่งดีย่อมมีอนันต์ หากนำมาใช้ด้านร้ายสิ่งร้ายย่อมอนันต์เช่นกัน

ช่วงแห่งคราส อำนาจสนามแม่เหล็กแห่งฟ้าจะรุนแรง หากสนามจิตเรามีแต่พลังงานของความกลัว กังวล คิดลบ คิดร้าย เราก็จะเหมือนแม่เหล็กแรงสูงขนาดใหญ่ที่ดึงดูดเรื่องลบๆ ร้ายๆ เข้ามาอย่างรุนแรง และ รวดเร็ว เพราะอะไรที่เรากลัว ที่เราคิดถึงสิ่งนั้น มันจะเกิดกับเรา  ครูบาอาจารย์ทางจิตวิญญาณท่านแยบยลเข้าใจโลกของพลังงาน จึงบันทึกคำสอนมาแต่โบราณ ให้ใช้ช่วงเวลานี้ สงบจิต สงบใจ สวดมนต์ ภาวนา จดจ่ออยู่ในพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ อธิษฐานขอพร เพราะเมื่อเราจดจ่อคิดในสิ่งดีดี พร่ำบ่นภาวนาสาธยายมนตราอันเป็นถ้อยคำอันดีงาม เราจะยกสนามจิตของเราไปยึดโยงกับพลังงานอันศักดิ์สิทธิ์ อันปราศจากความกลัว วิตก กังวล กำลังสมาธิคือตัวสกัดและกำหนดคลื่นแทรกที่ดีที่สุด จิตเราก็เหมือนแม่เหล็กแรงสูงขนาดใหญ่ที่จะดึงดูดเอาทุกความปรารถนา ทุกความดีงามที่เราคิดนึกระลึกถึงเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว

คำเตือนเรื่องมิควรออกนอกเคหะสถานนั้น ก็มิใช่ว่าจะเป็นความงมงาย แต่มีสาระอย่างยิ่ง เพราะเมื่ออำนาจแม่เหล็กแห่งฟ้าแปรปรวนรุนแรง แม้พืชและสัตว์ที่ดำเนินชีวิตตามสัญชาติญาณยังหลบหลีกกลับรัง เพราะพืชและสัตว์รับรู้เรื่องคลื่นแม่เหล็กได้ อากาศก็อาจปั่นป่วนแปรปรวนได้ อาจเกิดเหตุร้ายได้ คลื่นจิตมนุษย์ก็ปั่นป่วนแปรปรวน แม้เราจะใจเย็นจิตสงบ ก็อาจไปเจอคนใจร้อนทะเลาะกันได้ อาจเจอลูกหลงได้โดยไม่ตั้งใจได้ ฟ้าที่สว่างเจิดจ้าอยู่ดีดีกลับมืดสนิท คลื่นจิตจำนวนมากย่อมปรากฎความกลัว กังวล ปั่นป่วน คนก็โกลาหล สัตว์ก็โกลาหล พืชก็ปั่นป่วน การออกไปรับพลังเช่นนั้นก็คงไม่ดีแน่ โบราณท่านจึงบอกให้อยู่ใต้ร่มหลังคาเรือน ฝนตกฟ้าร้อง คนตีกัน เราก็ปลอดภัย ซ้ำยังโชคดีมีโชคลาภ กับการสวดมนต์ภาวนา จุดเทียนบูชา สาธยายมนตราอันประเสริฐเป็นการดึงกระแสพลังงานดีดีจากฟ้าเข้าตัวอีก

..แล้วออกนอกบ้านได้ไหม?

ได้สิ..หากเราไม่ได้มีเพียงความเชื่อ แต่เรามีความรู้ด้วยว่า อ๋อ..มันเป็นเช่นนี้เอง เราก็สามารถออกไปชมคราส หรือ ประกอบกิจธุระได้อย่างมีสติ สบายใจ คราสมิได้ทำร้ายเรา ไม่ทำร้ายใคร คราสเป็นเพียงปรากฏการธรรมชาติที่ทำให้สนามแม่เหล็กเข้มข้นขึ้น พลังงานทุกสิ่งจะรุนแรงมาก หากเจอคนใจร้อนก็ถอยห่างออกมาทันทีอย่าไปมีเรื่องมีราว เห็นฟ้าฝนอากาศแปรปรวน ก็หาร่มหลังคาหลบเสีย เจออะไรไม่ถูกใจก็อภัยเสีย ปล่อยวางให้ผ่านๆ ไป อย่าเก็บมาใส่ใจ ไม่ควรเข้าไปปะปนกับฝูงชนจำนวนมากๆ ไม่คิดร้าย พูดร้าย ก่นด่าอาฆาตพยาบาทใคร เพราะแรงกรรมมันจะแรงตามอำนาจสนามจิตที่เข้มข้น พึงจดจ่อเพียงเรื่องดีดี เพราะช่วงเวลาที่พลังงานฟ้าเข้มข้น เราก็ควรดึงพลังงานรุนแรงนั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์หนุนดวง หนุนดีแก่ชาตาชีวิตของเราแบบแรงๆ ชนิดพลิกฟ้า พลิกชะตาได้ฉับพลันที เครื่องรางกันภัย วัตถุธาตุกายสิทธิ์ก็เอามาปลุกฤทธิ์บูชาไว้ใกล้ๆ ตัว ให้ไอกายได้รับพลังอันศักดิ์สิทธิ์แห่งแรงครูบาอาจารย์คุ้มครองปกป้องกันภัย

เชื่อ ศรัทธา นอบน้อมให้เต็มหัวใจ
พัฒนาความเชื่อให้เป็นความรู้
เมื่อเรารู้ เราเชื่อมั่น เราศรัทธา เราจะวางใจ
ความวางใจนี้เอง คือหนทางไปสู่ปาฏิหาริย์แห่งชีวิต

กาลฤกษ์อมาวสี พระอาจารย์จุดเทียนบูชา

  • เทียนราหูคุ้มครองดวง
  • เทียนมหาโสฬสมงคล
  • เทียนคู่ชีวิตมหาโสฬสมงคล

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน 2563

ขึ้น 1 ค่ำเดือนแปด ปีชวด
ณ. วิหารสะเดาะเคราะห์พระเจ้าพันองค์
เวลา 21.39 น.
(( จุดจันทร์ดับสนิท วันอาทิตย์ 21 มิ.ย. 2563 เวลา 13.41.45 น. ))

รายละเอียดการบูชาฤกษ์ >> ฤกษ์บูชาเทียนมหาโสฬสมงคล

ติดต่อบูชา LINE : @namotasa

You cannot copy content of this page